วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Call of Duty ปะทะ Battlefield สงครามดราม่าทีไม่มีวันจบสิ้น




ไม่ว่าจะเป็นวงการใดก็ตาม มักจะมีดราม่าของแฟนบอยทั้งสองฝั่งมาให้เสพกันสนุกสนานอยู่เรื่อยๆ ในวงการเกมนั้นก็มีอยู่หลายคู่เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องราวระหว่างเกมสองเกมที่คล้ายคลึงกัน และเหล่าแฟนบอยก็จะพยายามหาสารพันเหตุผลเพื่อทำให้เกมที่ตัวเองชอบอยู่เหนือกว่าอีกฝั่งเสมอ ซึ่งเคสที่จะพูดถึงในครั้งนี้ก็คือคู่ Call of Duty และBattlefield เกม Action FPS สงครามทหารชื่อดังของโลกนั่นเอง
ซีรี่ย์ Call of Duty และ Battlefield นั้นถือว่าเป็นคู่แข่งกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2003 เนื่องจากทั้งสองเกมนั้นเป็นเกมแนว Action FPS สงครามทหารที่เรียกว่ามาใน Theme เดียวกันเป๊ะๆ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีเกมที่เหมือนกันทั้งสองเกมบนโลก แต่ละเกมนั้นก็มีจุดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทั้งสองซีรี่ย์นี้ก็มีมีจุดเด่นที่แตกต่างกันคร่าวๆ ดังนี้
Call of Duty
เนื้อเรื่องและแอคชั่นที่เข้มข้น

สำหรับจุดเด่นของ Call of Duty ที่ทำให้แฟนๆ หลายคนต้องหลงรักก็คือเนื้อเรื่องและsbobetแอคชั่นที่เข้มข้นนั่นเอง ใน Story Mode ของ Call of Duty เรียกว่าทำออกมาได้ตื่นเต้นน่าติดตามราวกับดูหนังแอคชั่นสนุกๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการผูกเรื่องราวต่างๆ ของตัวละคร , การหักมุมของเนื้อเรื่อง, สถานการณ์ที่ตื่นเต้นน่าติดตาม และภารกิจสุดท้าทายต่างๆ ภายในเนื้อเรื่อง ในจุดนี้เองที่ทำให้ดึงอารมณ์ของผู้เล่นมาได้สุดๆ เลยทีเดียว
ยิงง่าย บู๊ได้สะใจดุเดือด

Call of Duty ถือว่าเป็นเกมที่ใช้อาวุธปืนในการยิงค่อนข้างง่ายsboเมื่อเทียบกับหลายเกมๆ เนื่องจากอาวุธปืนนั้นมีแรงถีบที่ค่อนข้างน้อย และตัวเกมค่อนข้างเร็ว แต่ก็จะมีจำนวนศัตรูค่อนข้างเยอะ ทำให้ผู้เล่นต้องจัดการศัตรูอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทาย บู๊ได้สนุกกว่า
Battlefield
สงครามที่เป็นสงคราม

Battlefield นั้นเป็นซีรี่ย์ที่เน้นไปในด้านของความสมจริงด้านการรบ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของตัวละคร, การใช้อาวุธต่างๆ, แรงถีบของปืน รวมไปถึงยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นรถถัง, เฮลิคอปเตอร์ยันเครื่องบินรบในสมรภูมิอันกว้างใหญ่ ซึ่งในจุดนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของเกมเมอร์ที่ชอบความสมจริง
Graphic อลัง

แน่นอนว่าถ้าเน้นในเรื่องของความสมจริง มันก็จะมีผลต่อ Graphic ที่ต้องพัฒนาให้สมจริงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแสงเงาเขม่าขวัน หรือเศษหินจากแรงระเบิด ในภาคหลังจึงได้เปลี่ยนมาใช้เอนจิ้น Frostbite 2 ที่เรียกว่าสวยงามสมจริง แต่ในจุดนี้ก็ทำให้กิน Spec ด้วยเช่นกัน
วาทะยอดฮิตเวลามีดราม่า
Call of Duty เกมเล่นง่าย มีแต่นู้บเล่นกันเท่านั้นแหละ
ด้วยความที่ตัวเกม Call of Duty ถูกออกแบบมาให้เล่นค่อนข้างง่าย (ในแง่ของการใช้อาวุธต่างๆ เช่นแรงดีดปืน) ทำให้เหล่าแฟนบอย Battlefield มักออกมาโจมตีในจุดนี้ทันที แถมอ้างว่าของตัวเองเจ๋งกว่า สมจริงกว่า เกมง่ายๆ แบบนั้นมีแต่เด็กเล่นเท่านั้นแหละ โถ่เอ๋ย ความสนุกของเกมมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ซักกะติ๊ด ถึงมันยิงง่ายอะไรง่ายก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเกมจะไม่มีอะไรเลยซักหน่อย
Battlefield ภาพสวยกว่าเฟ้ย
เนื่องจากตั้งแต่ Battlefield 3 หันมาใช้เอนจิ้น Frostbite 2 ที่เรียกว่าทำออกมาได้ดีมากมาพัฒนาตัวเกม ทำให้เหล่าแฟนบอย Battlefield รีบเอาจุดนี้มาถล่มถ่มถุยกันอย่างรวดเร็ว แหม่ เกมดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่ที่ภาพสวยไม่สวยซักหน่อย ยังมี Content ตัวเกมดีๆ อีกมาก Graphic มันก็ส่วนหนึ่งเท่านั้น ภาพไม่สวยแต่เกมก็สนุกได้นะ ด้านแฟนบอย Call of Duty ก็สวนกลับว่า Battlefield มันก็แค่ภาพสวยเท่านั้นแหละว้า ทำเอาเป็นประเด็นดราม่าน่าเสพไปในทันที
Battlefield เนื้อเรื่องโคตรติงต๊อง
ด้วยความเหนือชั้นด้านเนื้อเรื่องที่ดึงอารมณ์ของผู้เล่นสุดๆ ใน Call of Duty เหล่าแฟนบอย Call of Duty ก็โร่กับมาสวนทาง Battlefield ทันทีว่าเนื้อเรื่องแข็งยังกะซากไม้ ทางด้านแฟนบอย Battlefield ก็สวนไปในทันทีว่าจริงๆ แล้วจุดขายของ Battlefield มันไม่ได้อยู่ตรงส่วนนี้นะจ๊ะ มันอยู่ที่จุดอื่นต่างหากล่ะ
Call of Duty โหมด MultiPlayer กาก
นี่เป็นประเด็นที่เหล่าแฟนบอย Battlefield มักจะเอามาพูดถึงมากที่สุด ซึ่งก็คือโหมด Multiplayer สงครามขนาดใหญ่ที่เป็นจุดขายหลักของตัวเกม ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เล่นหรือยุทโธปกรณ์ ซึ่งจริงๆ แล้ว Call of Duty ก็มีโหมด Multiplayer ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แค่คนละแนวเท่านั้นเอง
ประเด็นดราม่านี้น่าจะสรุปได้ว่ามันเป็นพฤติกรรมของการไม่อยากยอมแพ้ของมนุษเสียมากกว่า ชอบเกมไหนก็อวยกันแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ราวกับมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้พัฒนา จึงเป็นประเด็นดราม่างูกินหางที่ไม่มีวันจบสิ้น ทั้งๆ ที่จริงแล้วเนื้อหาของทั้งสองเกมมันค่อนข้างแตกต่างและเทียบกันไม่ได้ ^ ^"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น